17 มีนาคม 2558 (อังคาร)

วันก่อนล้างแก้วกาแฟหลุดมือ ร้าวเลย ใจหายน่อ แก้วร้าว บิ่น เค้าไม่ให้เอามาใช้ใช่ป่าว โอ๊ย…เสียดายจับใจ ใบใหม่ด้วยสิ บ่นมากๆ เข้า ‘บางคน’ เลยปลอบว่า “ไม่มีอะไรไม่เสียครับ” ก็จริงนะ…ไม่มีอะไรไม่เสียซักกะอย่าง ใจตัวเองยังเสียเลย (โยงมาจนได้นะตัวเธอว์)

เพื่อนบอกว่า “ยิ่งพยาม ‘เกี่ยว’ จะยิ่งทุกข์ พอทุกข์มากๆ ถึงมากที่สุดมันจะเลิกได้เอง แต่มันจะเสวยทุกข์ไปนาน จนกว่าใจจะบอกได้ว่า…ไม่เอาแล้ว” แล้วเพื่อนก็สอนว่า “รู้ว่ามันมา รู้ว่ามันทุกข์นะ กลับมาดูกายไม่ต้องอยากให้มันหาย เดี๋ยวมันไปเอง” รู้หมดเลย แต่ก่อนมองเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่อง how to ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่ใยดี จนได้เจอกับพี่สาวที่เคารพเมื่อหลายปีก่อน เหมือนเจอครู แกสอนแบบนี้แหละ ให้รู้สึกตัวทุกขณะ ถ้าหลุดก็กลับมาจับใหม่ เลยหัดทำ เพื่อนก็สอนเหมือนที่พี่สาวสอน “ปกติจิตคนมันต้องหนี แล้วรู้ตาม ต้องเป็นแบบนี้” เร็วเหมือนลิงเลยจิตคนเราเนี่ย พอมีอะไรมากระทบปั๊บ หลุดหนีทันที แล้วตามจับก็ใช่ว่าจะง่าย

อะไรเนี้ย…วันนี้มาแนวธรรมะ (ธรรมะคือธรรมชาติ) ปกติจะออกแนวหวาน เอียน เลี่ยนนะจ๊ะ คือไม่อยากเสียใจ ไม่อยากทุกข์แล้วน่ะ ทุกอย่างผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีอะไรจีรัง ทั้งทุกข์ ทั้งสุข

Come on…ส้มโอ…

Let it goes, let it flows.  เข้าใจ๋

12:39

011

16 มีนาคม 2558 (จันทร์)

ไม่ได้เข้ามาที่นี่นานเหลือเกิน อะไร…อะไร…ปรับเปลี่ยนไปเยอะเลย งงเหมือนกันนะเนี่ย WP ปรับปรุง งั้นเราก็เอามั่ง เปลี่ยนธีมใหม่ ยังไม่คุ้นเท่าไหร่ คงได้เปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ สนุกเค้าล่ะทีนี้

18:05

ติสตู นักปลูกต้นไม้

ลำดับที่ 8 หนังสือ : ติสตู นักปลูกต้นไม้ Tistou les Pouces verts

ผู้เขียน : โมรีส ดรูอง Maurice Druon

ผู้แปล : อำพรรณ โอตระกูล

ติสตู เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ที่ไปเรียนหนังสือในโรงเรียนแล้วนอนหลับในทุกชั่วโมง จนคุณครูต้องส่งกลับบ้าน คุณพ่อคุณแม่ของติสตูแก้ปัญหาโดยให้ติสตูเรียนรู้จากสิ่งรอบๆ ตัว แล้วการผจญภัยในความคิด จินตนาการของเด็กชายตัวเล็กๆ คนนี้ก็เริ่มขึ้น เหมือนเด็กทั่วๆ ไป ติสตูช่างซักช่างถาม จนบางครั้งผู้ใหญ่ก็ไม่รู้จะตอบติสตูอย่างอย่างเพราะผู้ใหญ่มี ‘ความคิดสำเร็จรูป’ ในการอธิบายความเป็นไปในโลกใบนี้อยู่แล้ว ในคราวที่ติสตูถูกส่งไปเรียนรู้เรื่องระเบียบ หลังจากที่ฟังคำอธิบายอย่างยาวเยียดจากคุณตรูนาดิส ติสตูก็สรุปได้ว่า ระเบียบคือ เมื่อเราพอใจ ลองกลับมาถามตัวเองดูทีว่า ใช่มั้ย… ติสตูปลูกต้นไม้เก่งเพราะว่ามีนิ้วหัวแม่มือเป็นสีเขียว คือถ้าเอานิ้วหัวแม่มือไปจิ้มที่ดินตรงไหนต้นไม้ดอกไม้ก็จะงอกขึ้นมาทันที เริดมั้ยเล่า ตอนเกิดสงคราม โรงงานของคุณพ่อติสตูซึ่งเป็นโรงงานที่ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ได้ขายอาวุธต่างๆ กับทั้งสองประเทศที่รบกัน ติสตูไม่ชอบและกังวลใจอย่างมาก สิ่งที่ตัดสินใจทำก็คือปลูกต้นไม้ดอกไม้ไว้ที่อาวุธต่างๆ จนไม่สามารถใช้งานได้ อย่างปืนใหญ่พอยิงเข้าหากันแทนที่จะเป็นลูกปืน แต่กลับกลายเป็นดอกไม้ไปหมด เพิ่งอ่านจบหลังจากวางอยู่บนโต๊ะเกือบเดือน รักติสตู…

11:23

13 มิถุนายน 2557 (ศุกร์)

no. 8

21 มีนาคม 2557 (ศุกร์)

002

ครบสองสัปดาห์วันนี้
ที่ล้มคะมำหน้าคว่ำไม่เป็นท่าที่สนามเทนนิส
เป็นเหตุให้กระดูกร้าวสองที่ที่ต้นแขนขวา
คุณหมอบอกว่า…

‘คุณส้มโอต้องช่วยหมอนะครับ
อย่าเพิ่งใช้งานแขนข้างนี้หนักๆ
หายเป็นปกติแน่นอน
แต่อาจต้องใช้เวลานานหน่อย
อย่างน้อยก็สามเดือน’

คิดถึงไม้เทนนิส
และยิ่งไปกว่านั้น…คิดถึงนายนิกกี้
ไม่อยากบอกว่า
มีแอบ ‘แบก’ ลงไปถ่ายตะบองเพชรที่สนามด้วยล่ะ อิอิ
ก็มันออกดอกน่ารักเสียขนาดนั้น

ดาวจะอดทนค่ะหมอ…แฮร่…

MAY THE FORCE BE WITH ME

Nights in Rodanthe (Movie)

Nights in Rodanthe (2008)
Director : George C. Wolfe

จู่ๆ ก็อยากดูหนังเรื่องนี้ขึ้นมา นั่งรื้ออยู่พักใหญ่กว่าจะหาเจอว่าเก็บไว้ในกล่องไหน

Nights in Rodanthe เป็นหนังที่สร้างมาจากหนังสือของเจ้าพ่อนักเขียนนวนิยายรักโรแมนติก Nicholas Sparks ซึ่งฉันก็ไม่ค่อยพลาดที่จะหาหนังสือของเค้ามาอ่าน แต่เรื่องนี้ไม่แน่ใจว่าได้ถูกแปลเป็นภาษาไทยรึเปล่า

เรื่องราวความรักของคนที่โตแล้ว มีครอบครัวแล้ว หากแต่มีปัญหา Adrienne Willis (แสดงโดย Diane Lane) แม่ลูกสองซึ่งแยกทางกับสามี ได้พบกับศัลยแพทย์ฝีมือดี Dr. Paul Flanner (แสดงโดย Richard Gere) บ้างาน เย็นชา เหมือนคนไม่มีความรู้สึก ภรรยาทิ้ง ลูกชายคนเดียวที่เป็นหมอก็หนีไปเปิดคลินิกรักษาผู่ป่วยที่ประเทศเอกวาดอร์

ทั้งคู่มาพบกับที่ Rodanthe ซึ่ง Adrienne รับปากกับเพื่อนสนิทว่าจะมาดูแลที่พักเล็กๆ ริมหาดให้ในระหว่างที่ไม่อยู่ และ Dr. Pual เป็นแขกคนเดียวที่มาพัก ทั้งคู่มีปมปัญหาเป็นของตัวเอง Adrienne อยู่ในระหว่างการตัดสินใจที่กลับไปอยู่กับสามีหรือไม่ Dr. Paul หมดหวัง สิ้นหวังจากชีวิตครอบครัว ผิดหวังจากการผ่าตัดที่ล้มเหลวทำให้คนไข้เสียชีวิต ซึ่งในการมา Rodanthe ครั้งนี้ก็เพื่อที่จะมาพบกับครอบครัวของคนไข้

คนแค่สองคนอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน จึงไม่ยากเลยที่ได้พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น แบ่งปันทัศนคติให้แก่กัน ‘ความรัก’ ของทั้งคู่เกิดขึ้นในคืนที่พายุฝนกระหน่ำเข้าหาฝั่งอย่างบ้าคลั่ง

หนังเรื่องนี้ชอบที่สุดตรงไหนรู้มั้ย…ชอบที่ Adrienne กับหมอเขียนจดหมายหากัน คือ…ในคืนที่ทั้งสองคน ‘รัก’ กัน หมอก็กลายเป็นอีกคนที่ไม่หยาบ แข็งกระด้าง เย็นชา ความรักทำให้คนเปลี่ยนไปน่ะ หมอบอกกับ Adrienne ว่าจะไปหาลูกชายที่เอกวาดอร์จะไปตามลูกชายกลับบ้าน ไม่รู้ว่าระยะเวลาจะนานมากน้อยแค่ไหน หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มเขียนจดหมายรักส่งถึงกัน

คนทั้งคู่เฝ้านับเวลาที่จะได้พบกัน เพื่อจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกันอีกครั้ง แต่ก็มีอันต้องให้จากพราก คืนนั้น Adrienne รอที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับชายผู้เป็นที่รัก หากแต่รอแล้วรอเล่า… จนกระทั่งเช้าเสียงเรียกที่ประตูก็ดังขึ้น น้ำตาฉันเริ่มเอ่อมาทันที ที่หน้าประตูชายหนุ่มท่าทางสุภาพยืนถือกล่องพร้อมกับถามว่า คุณคือ Adrienne Willis ใช่มั้ย ผมเป็นลูกชายของ Dr. Paul Flanner เท่านั้นเองแผ่นดินตรงหน้าก็เหมือนจะถล่มลงไป

ร้องไห้อีกนั่นแหละ ยิ่งตอนที่ Adrienne เปิดกล่องที่ลูกชายหมอเอามาให้ ทุกอย่างล้วนเป็นความทรงจำของความรักทั้งสิ้น จดหมายของ Adrienne ถูกเก็บไว้กับของใช้ส่วนตัวของหมอ และในกล่อง Adrienne ก็พบจดหมายที่จ่าหน้าถึงเธอแต่ยังไม่ถูกส่งมา เฮ่ออออออ เศร้าก็เศร้า แต่ก็ซาบซึ้งเสียเหลือเกิน

But there’s another kind of love.
One that gives you the courage to be better than you are,
not less than you are.
One that makes you feel that anything possible.

10 กุมภาพันธ์ 2557 (จันทร์)

005